ในช่วงปีที่ผ่านมากระแสของนมโอ๊ตได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในประเทศไทย เพราะหลายคนหันมาสนใจเรื่องการดูแลสุขภาพด้วยการดื่มนมที่มีประโยชน์จากพืช ซึ่งแบรนด์ OATSIDE ก็เป็นนมโอ๊ตอีกหนึ่งแบรนด์ที่คนให้ความสนใจมาก เนื่องจากรสชาติของ OATSIDE มีความอร่อยเข้มข้นผลิตมาจากวัตถุดิบที่คัดสรรคุณภาพ ซึ่งความอร่อยนี้ทำให้สินค้าที่วางขายในช่วงแรกของไตรมาส 3 ปีที่แล้วหมดสต็อกอย่างรวดเร็ว จนเกิดกระแสตามล่าหานม OATSIDE ในโลกออนไลน์จำนวนมาก
ซึ่งในการเปิดขายนม OATSIDE ในช่วงแรกนั้น ถือเป็นการทดลองตลาดที่ให้คนไทยได้ลองชิมก่อน จึงมีจำนวนของสินค้าในสต็อกไม่เยอะ แต่กลับกลายเป็นว่านมกลับขายดีเป็นเทน้ำเทท่า จนทำให้แบรนด์ OATSIDE เริ่มมองเห็นโอกาสที่จะนำแบรนด์เข้ามาให้คนไทยได้ลิ้มลองกันแบบจริงจัง ดังนั้นโจทย์การตลาดในการทำแคมเปญครั้งนี้แบรนด์จึงต้องการเปิดตัว OATSIDE อย่างเป็นทางการในประเทศไทย และทำการสื่อสารให้คนไทยได้รับรู้ว่าตอนนี้สินค้า OATSIDE มีสต็อกพร้อมที่จะวางขายแล้ว
หลังจากที่ได้รับโจทย์การตลาดนี้มา ทางแรบบิทส์ เทลก็ได้ทำการศึกษาและหาข้อมูลเกี่ยวกับสินค้ามากขึ้น รวมถึงมองหาฐานแฟนคลับกลุ่มแรกของ OATSIDE ที่ต้องการจะสื่อสารเพื่อเป็นการสร้างรากฐานไปด้วยกัน จากจุดนี้ทำให้เราเข้าไปดูข้อมูลตามโซเชียลมีเดียต่างๆ และค้นพบว่ามีคนจำนวนมากพูดถึงแบรนด์ OATSIDE ว่าเป็นนมที่รสชาติอร่อย ต้องกินให้ได้สักครั้งในชีวิต ซึ่งความอร่อยนี้ถือได้ว่าจุดแข็งของแบรนด์เลยทีเดียว แต่ว่าก็ยังมีเสียงจากคอมเมนต์ต่างๆ ที่ตามมาว่าหายากเหลือเกินเกิดขึ้นในทวิตเตอร์ โดยในคอมเมนต์ก็มีหลากหลายรูปแบบ เช่น OATSIDE หายากมากควรเปิดขายเพิ่มนะ ตามหา OATSIDE เจอที่ไหนบ้าง หรือ ในที่สุดก็ตามหา OATSIDE จนเจอ นี่เราใช้โชคเดือนนี้หมดไปแล้วรึเปล่า
ซึ่งตรงนี้ทำให้เราเห็นถึงพลังของ Social Voice บางอย่างที่คนกำลังพูดถึงแบรนด์ จึงคิดแคมเปญที่มีชื่อว่า “Sorry Too Popular” ขึ้นมาเพื่อเป็นการขอโทษลูกค้าที่เข้ามาคอมเมนต์เกี่ยวกับ OATSIDE และถือเป็นการเปิดตัวอย่างเป็นทางการด้วยการนำเอาเอกลักษณ์ของแบรนด์ที่มีความกวนๆ แต่แฝงไปด้วยความน่ารักและความใส่ใจเข้ามาปรับใช้ ซึ่งถ้าเราดูจากภาพ Key Visual จะเห็นได้ว่าการขอโทษในครั้งนี้มีความน่าสนใจ และใส่ใจกับคอมเมนต์ที่ลูกค้าเข้ามาโพสต์ถึงแบรนด์จริงๆ จากภาพจะเห็นว่ามีกล่องนม OATSIDE ที่มีคอมเมนต์ต่างๆ ที่ลูกค้าพูดถึงปักอยู่บนตัวกล่องมากมาย เพื่อเป็นการยอมรับผิด และยังมีข้อความขอโทษที่สร้างความน่าเอ็นดูแบบกวนๆ ด้วยการบอกว่า “ขอโทษนะที่ฮิตเกินไป เรารู้สึกผิดแล้วที่คุณอดกินของอร่อย ตอนนี้ก็เลยพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเติมของให้พอ แต่ก็ไม่สัญญาหรอกนะว่าพอสำหรับทุกท่าน (ก็คนมันฮอตอะ) ถ้าเอาชัวร์ก็สั่ง Online ได้เลย รับรองมีของพร้อมส่งแน่นอน”
ทั้งนี้ก็ยังได้มีการแท็กภาพการขอโทษครั้งนี้ไปยังลูกค้าต่างๆ ที่เคยเข้ามาคอมเมนต์พูดถึงเราในทวิตเตอร์ จนทำให้ลูกค้าต่างรู้สึกดีกับแบรนด์ เรียกได้ว่าเป็นการสื่อสารทางการตลาดที่เปลี่ยนทิศทางให้แบรนด์ถูกพูดถึงในทางที่ดีมากยิ่งขึ้น และยังไม่จบแค่นี้ในเมื่อกระแสการพูดถึงแบรนด์เริ่มมาเรื่อยๆ เราก็ได้มีการทำ “Gift Set” ที่เป็นการนำนม OATSIDE 3 รสชาติ ทั้งบาริสต้าเบลนด์ ช็อกโกแลต และช็อกโกแลตเฮเซลนัท มาจัดแพ็กเกจให้กับลูกค้า โดยมีการนำเอา CI (Corporate Identity) ของแบรนด์มาออกแบบทำเป็นสติ๊กเกอร์แปะลงบนกล่องนมที่ต้องการส่งให้ลูกค้าเพื่อเป็นการแสดงคำขอโทษอย่างจริงใจ ซึ่งคำพูดบนสติ๊กเกอร์ก็ยังคงความน่ารัก น่ากวน เช่น หายงอนเรายัง? ดีกันนะ และเค้าขอโทษ ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีโปสการ์ดเฉพาะบุคคลที่เขียนข้อความขอโทษสุดน่ารักแนบไปด้วย
หลังจากที่ลูกค้าได้รับ “Gift Set” ก็ทำให้กระแสของการพูดถึงแบรนด์ OATSIDE เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ลูกค้าที่ได้รับของต่างเอ็นดูในความน่ารักและพร้อมที่จะให้อภัย แถมยังโพสต์รูปภาพต่างๆ ที่เกี่ยวกับแบรนด์กลายเป็นสตอรี่ที่น่าสนใจลงใน Instagram ทำให้แบรนด์สามารถที่จะรีสตอรี่และขยายเรื่องราวไปได้ในวงกว้างมากขึ้น สรุปได้ว่าการสื่อสารทางการตลาดในครั้งนี้ช่วยให้ลูกค้ารับคำขอโทษจากแบรนด์ และรักแบรนด์มากกว่าเดิม แล้วที่สำคัญที่สุดลูกค้าในวงกว้างได้รับรู้ว่า OATSIDE มาเปิดตัวที่ประเทศไทย หากต้องการหาซื้อสินค้าก็สามารถซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ได้ โดยไม่ต้องเดินตามหาให้ยุ่งยากอีกต่อไป ผ่านการ PR จากแคมเปญ OATSIDE: Sorry Too Popular
สุดท้ายนี้ที่อยากจะบอกทุกคนคือไม่ว่าจะทำการสื่อสารทางการตลาดอะไร เราต้องมองจากวัตถุประสงค์ที่จะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด (Effective) เราต้องรู้ว่าเราต้องการอะไร และทำเพื่อสื่อสารกับใคร เพราะนี่จะช่วยให้เราสามารถทำงานออกมาประสบความสำเร็จ ในโอกาสนี้ต้องขอบคุณแบรนด์ OATSIDE ที่ไว้วางใจแรบบิทส์ เทลสร้างสรรค์ผลงาน พร้อมสร้างฐานแฟนกลุ่มแรกของ OATSIDE ไปด้วยกัน
